Shopify

รับทำเว็บไซต์ E-commerce ด้วย Shopify และ WordPress ขายแบบ B to B (Business to Business) ในประเทศไทย ทำ SEO (Search Engine Optimization) สามารถขายสินค้าได้ทั่วโลก ไม่ต้องพึ่งพา E-Market place เพียงอย่างเดียว ประหยัดค่าธรรมเนียมตลาดกลางขายสินค้าออนไลน์ ที่นับวันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หากคุณ เอาลิ้งก์หรือเว็บไซต์ตลาดกลางไปโปรโมท คุณจะต้องเสียค่าบริการหรือโดนหักเปอร์เซ็นต์ จากสินค้าที่คุณขายได้ แต่คุณมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือทำเว็บไซต์ขายส่ง (Wholesale) แบบ B to B แล้วทำการตลาด ยิงโฆษณา ขายสินค้าออนไลน์แบบราคาส่ง ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมายผู้กำลังมองหาสินค้าหรือบริการของคุณ ทั่วทุกทวีป ทั่วโลก หรือจะเน้นเป็นเพียงบางประเทศก็ได้ หรือจะทำให้ติดผลการค้นหาในอันดับสูง ในการค้นหาสินค้าของคุณ ให้ลูกค้าค้นหามาเจอสินค้าของคุณก็สามารถทำได้ เหมาะสำหรับโรงงานผู้ประกอบการที่ต้องการ เปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศ เชื่อมต่อช่องทางรับชำระเงินที่ปลอดภัยสูง (Payment Gateway) สามารถรับเงินค่าสินค้าได้อย่างง่ายดายทันที ฟังก์ชั่นการใช้งาน ขึ้นกับความต้องการของคุณ อยากได้ฟังก์ชั่นที่คล้ายกับ เว็บไซต์ระดับโลก หรือ E-Market place ชั้นนำก็สามารถทำได้ จะทำระบบให้ สำหรับผู้มาซื้อสินค้าราคาส่ง ล็อกอินเข้ามาถึงจะเห็นราคาค่าสินค้าก็สามารถทำได้ ทางเรามีทีมนักพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ(Web Design) ทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ และทำแอพพลิเคชั่น ฟังก์ชั่นต่างๆ ตั้งค่าและทำให้แอพพลิเคชั่นหรือปลั๊กอินทุกรูปแบบสามารถทำงานได้ราบรื่น สามารถติดตั้งระบบฟ้อนต์ตัวอักษรกว่าร้อยฟ้อนต์ให้ท่านเลือกใช้ ประชุมออนไลน์ทาง Google Meeting อับเดทงานสัปดาห์หรือตามเวลาที่ท่านต้องการ สำหรับสินค้าที่มีสีสรรหลากหลาย ทางเราสามารถทำหน้าสินค้าและหน้าหมวดหมู่ให้สามารถสลับสีได้อย่างสวยงาม มีระบบรีวิวด้วยรูปภาพและวิดีโอ ทำให้เว็บไซต์ของท่านมีระบบค้นหาสินค้าในระดับขั้นสูง ลูกค้าท่านสามารถค้นหาสินค้ามากมายหลาย SKUs ได้อย่างราบรื่น มีระบบแนะนำสินค้าที่ลูกค้าอาจจะต้องการซื้อหรือเลือกสินค้าที่ท่านต้องการนำเสนอเพิ่มเติม เชื่อมต่อระบบการจัดส่งสินค้าและคำนวนค่าขนส่งสินค้าตามรัฐต่างๆ จะต่อกับ DHL, FedEx, และ USPS ทางเราก็สามารถทำให้ท่านได้ พัฒนาระบบฟิลเตอร์สินค้าในหน้าหมวดหมู่ ให้สามารถกรองสินค้าได้ ตามแบรนด์ ตามขนาดสินค้า ตามราคา ตามสี ตามสเปคสินค้าต่างๆ ทำระบบการตลาดอัตโนมัติ ผ่านเอสเอ็มเอส, ไลน์...

Shopify Dropshipping หรือการขายของออนไลน์แบบไม่สต็อกสินค้านั้น ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มมีการคิดค้นระบบเว็บไซต์ของ Shopify ได้สักระยะหนึ่ง โดยได้มีชาวต่างชาติ ลองเอาระบบของ Shopify ไปใช้งานทำการตลาดและโฆษณาขายของในอินเตอร์เน็ต ต่อจากนั้นระบบนี้ก็ได้แพร่ขยายเป็นวงกว้างเกิดเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก เนื่องจากมีการแชร์ยอดขายหลักล้านเหรียญสหรัฐจากผู้คนมากมาย เรียกได้ว่าตามระดับความขยันและฝีมือการทำการตลาดส่วนตัวของแต่ละบุคคลและเมื่อระบบนี้ได้แพร่ขยายมายังประเทศไทย ได้มีคนไทยที่ทั้งไปเรียนทำจากคอร์สต่างประเทศและเรียนรู้ด้วยตัวเองลองทำและทำจริง เกิดเป็นกลุ่มคนที่ทำได้ดี และยึดถือเป็นอาชีพ แบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ออกมาสอนทำและอีกกลุ่มคือผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างเดียวไม่ได้สอนใคร*หมายเหตุ ภาพด้านบนเป็นเพียงตัวอย่างภาพที่ค้นหาได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพยอดขายของทางเรา มาปีนี้ ปี 2023 ที่กระแสของโซเชียลมีเดียเริ่มมาแรง เทรนการหาเงินในอินเตอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นเป็นการทำเนื้อหา ที่เรียกภาษาอังกฤษว่า content creator นำโดย TikTok และ Facebook Real กระแสของการทำดรอปชิบด้วย Shopify ก็ดูเหมือนจะเบาบางลงไปเยอะ เนื่องจากคนส่วนมากไปให้ความสนใจกับการสร้างรายได้ผ่านโซเชียลมีเดียด้วยการไลฟ์สดและทำเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอหรือการบันทึกชีวิตประจำวัน ที่เรียกว่า Video Blog (Vlog) กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนกระแสนี้กำลังจะมาทำลาย (Disrupt) วงการเว็บไซต์ขายของออนไลน์ โดยส่วนตัวผมคิดว่าเว็บไซต์อย่างไรก็ยังคงกระพัน ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เป็นระบบของเราเอง ควบคุมด้วยตัวของเราเอง เว็บไซต์ของเรา กฎ ก็เป็นของเรา ( My website, My rules) และระบบต่างๆ ภายในที่เราสามารถปรับแต่งได้เองตามที่เราต้องการ ซึ่งรองรับการเติบโตในทุกระดับของธุรกิจและช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ อีกอย่างที่ไม่แน่ใจคือ เว็บไซต์ของเราเอง เราสามารถเอาไปจดทะเบียนบริษัทฯได้ แต่การเอาโซเชียลมีเดียไปจดทะเบียนบริษัทฯ นั้น ไม่แน่ใจว่า กฎหมายให้ทำได้หรือไม่ ต้องเรียนถามผู้รู้ให้ช่วยตอบคำถามในจุดนี้ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ คงไม่มีใครไปพยายามเอาโซเชียลมีเดียไปจดทะเบียนบริษัทฯ อย่างมากก็คงพยายามเอาไปจดร้านค้าหรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่บ่งบอกถึง การทำธุรกิจ หรือกิจการที่ตนทำอยู่ว่าชื่อกิจการชื่ออะไร มีสินค้าหรือบริการที่ขายหรือรับทำคืออะไร ถึงจะเว็บไซต์เรา กฎเรา แต่ไม่ทุกอย่าง ระบบของ Shopify นั้นหากคุณขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ คุณมีสิทธิ์โดนฟ้องและโดนแบนหรือปิดระบบเว็บไซต์ได้ทันทีเหตุผลหนึ่งที่เว็บไซต์ยังคงมีความจำเป็นเนื่องจากลูกเล่นการตลาดที่มากมายในระดับแอดวานซ์ และระบบบริหารจัดการสินค้า คลังสินค้า ระบบจัดการข้อมูลต่างๆ ในปริมาณมาก และเสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่า ตลาดกลางขายสินค้าออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย แบรนด์ที่มีบุคคลากรพร้อมในการทำงานด้านการตลาดผ่านเว็บไซต์ จึงมีความพยายามดึงผู้ซื้อมาซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ แต่อาจจะไปไลฟ์สดกันที่ อินสตราแกรม เฟสบุ๊ค หรือแพลตฟอร์มที่อนุญาติให้ทำได้ เพื่อประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่ต้องจ่ายค่าส่วนแบ่งการขายให้ตลาดกลางต่างๆ เป็นจำนวนมาก และเมื่อเหล่าบรรดาผู้มีอิทธิพล มีฐานคนติดตามและคนรู้จักมากพอ พวกเขาสามารถดึงคนให้ไปซื้อบนแพลตฟอร์มใดก็ได้มาเข้าเรื่องการทำดรอปชิปโดยใช้ระบบของ Shopify...

Google Tag Manager purchase Data Layer codes. These codes is using for doing the purchase data layer. We can put it at settings > Checkout > Additional scripts <script>{% if first_time_accessed %} window.dataLayer.push({ 'page_type': 'purchase', 'event': 'purchase', /* create a custom event in GTM */ 'transaction_id': '{{ order.name || order.order_number }}', 'totalValue': {{ total_price | money_without_currency | remove:',' }}, // Includes tax & shipping 'subtotalValue': {{ subtotal_price | money_without_currency | remove:',' }}, 'tax': {{ tax_price | money_without_currency | remove:',' }}, 'shipping': {{ shipping_price | money_without_currency | remove:',' }}, 'currency': '{{ shop.currency }}', 'payment_type': '{{ order.transactions[0].gateway }}', //optional parameter 'ecommerce': {...