ความคิดผมไม่ได้ต่างจาก กระบวนการทั่วไป สู่ความมั่งคั่งครับ
เราตั้งใจทำงาน หาเงิน ใช้ตามที่อยากใช้ ศึกษา เรื่องต่างๆ ลงมือทำ ทดสอบ ทดลอง ผ่าน ทำได้จริง เงินเข้า แค่นั้นครับ
ใช้เยอะ เก็บหนักตามครับ
เช่น เดือนก่อนใช้เงินไป รวมต้นทุนธุรกิจ 60,000 บาท เก็บ 80,000 บาท
เดือนนี้ ใช้ไป จะเข้า 60,000 บาท แล้วเหมือนกัน เก็บเงินไว้แล้ว 36,800 บาท ครับ แล้วยังไม่ถึงสิ้นเดือน มีโอกาสจะเก็บเงินได้เพิ่มอีกครับ จริงๆ ผมต้องมีเงินเก็บ 45,000 บาท ขึ้นไปแล้วครับ ตั้งแต่ตอนครึ่งเดือน ที่ผ่านมาครับ แต่มีคนมายืมไป ร่วมหมื่นครับ ถ้าผมตามเงินคืนมาได้ ก็เท่ากับ เงินเก็บผมมีอยู่อีกเป็นหมื่นครับ และถ้ารวม ระยะเวลาที่ผ่าน มา หลายคนรวมกัน ยืมไป น่าจะหลักแสน ซึ่งเงินเก็บผมกระจายไปฝากไว้ในกระเป๋าคนอื่น ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ครับ
บางเรื่องช้า บางเรื่องเร็ว แล้วแต่เส้นการเรียนรู้และความเข้าใจของเราครับ
เช่น สายนายหน้า ต่างๆ ที่มันเป็นแมส คือ กลุ่มสินค้า ที่มีคนใช้เยอะ แล้วมันมีคุกกี้
คุกกี้คืออะไร คือ การฝังข้อมูลลงบนเว็บเบราเซอร์ครับ หมายถึง เมื่อมีคนกดลิงก์ ของคุณ วันนี้เขายังไม่ซื้อ วันหน้า ถ้าเขาซื้อ คุณก็จะได้ ทั้งนี้ คุกกี้แต่ละที่ จะมีอายุแตกต่างกันครับ
แค่คุณเข้าใจเรื่องคุกกี้นี้ โอกาส ความน่าจะเป็น มันก็มีแล้วครับ
ที่มีคนบอกผม แนวว่าทำไม่สำเร็จหรอก ไม่ใช่ครับ มันขึ้นกับเวลา และเส้นการเรียนรู้ ทักษะ และการลงมือทำ รวมถึงการทดลอง ทั้งนั้นครับ
ถ้าลงคอร์สอาจไวหน่อย แต่ถ้าลงคอร์สแล้ว สอนสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว ทำอยู่แล้ว หรือพยายามทำอยู่ตลอดอยู่แล้ว มันก็จะไม่มีประโยชน์ครับ สู้ ทำในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว ให้มันดี คือลงมือทำให้มาก และสม่ำเสมอ ทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป จะดีกว่าครับ
ถ้าลำพัง เราทำสิ่งที่เรารู้ ว่าทำแล้วได้ผล ยังลวมือทำไม่ได้มาก ลงคอร์สไป ก็เท่านั้นครับ หรือความรู้ฟรีในอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะ แต่ยังทำได้ไม่ถึงเสี้ยว คอร์สเรียนแบบเสียเงิน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ
ยกตัวอย่าง ผมเขียนบทความ เรื่องต่างๆ ได้ดี แต่ผมไม่เขียน ไม่แยกหมวดหมู่หัว ข้อ ทำการวิจัยกลุ่มผู้ชม หัวข้อเรื่อง ดึงคนที่มีโอกาสซื้อสูงเข้ามา ยังทำไม่ถึงไหน ไปเรียนก็เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่ตนเองทำได้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำ หรือ แทบจะไม่ได้ทำ หรือ ทำไม่มากพอ ครับ
เรื่องหลายเรื่อง มันไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ถ้ารอสมบูรณ์แบบคือ ไม่ได้ทำแน่ครับ
และสิ่งที่ผมทำคือ การนำเสนอบริการ และสอนค้า ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ ไปจนถึงอะไร ที่ยากๆ คนธรรมดาทำไม่ได้ เช่น การเขียนโค้ดปรับแต่ง จุดต่างๆ ของเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการออนไลน์ครับ หรือการลบข้อมูล ที่ไม่ปกติ ที่คนธรรมดาทำไม่ได้ หาที่แก้ไข ที่ทำไม่เจอครับ หรือ ง่าย คนธรรมดาทำได้ แต่มันดันเยอะมาก แต่ผมทำได้ไวกว่าคนธรรมดาทั่วไป สปีดผม ไวกว่ามาก เช่น คนธรรมดา ทำใช้เวลา เป็นเดือน อาจไม่เสร็จ หรือ ไม่มีวันจะเสร็จได้เลย แต่ผมทำได้ ภายใน 2-3 ชั่วโมง แบบนี้ครับ
หรือ คนธรรมดา เจ้าของกิจการ หัวหน้าแผนก พนักงาน ไม่มีสมาธิหรือไม่ชอบ จะมานั่งทำอะไรแบบนี้ หรือทำเรื่องนี้นานๆ แต่ผมทำได้ครับ คนเรามักถนัดและทำในสิ่งที่ตนเองชอบ นั่นคือ จุดไคลแม็กซ์ของมนุษย์เราครับ มันจะยากมากที่จะเปลี่ยนสาย แต่ผมกลับ สลับสายไปมาได้ ดั่งใจครับ ผมอยากทำอะไร ทำได้หมดครับ ขึ้นอยู่กับจะทำมั๊ยครับ
อย่างไรก็ตาม เรื่องทุกเรื่องมันมีระดับของการเรียนรู้ครับ ความสม่ำเสมอ และความชำนาญครับ
ผมทำตามหลักการของบริษัทฯ ชั้นนำทั่วโลกทำกันครับ สะสมผลกำไร ผลประกอบการ เพราะผมเปิดบริษัทฯ แล้วครับ และแบ่งเงินเป็นสองส่วน คือ เงินของนิติบุคคลหรือเงินของบริษัทครับ อีกส่วนคือเงิน ของบุคคลครับ
สองส่วนทำให้งอกเงย ตามหลักและวิธีการที่ควรจะเป็น ผมทำได้มาก น้อยแค่ไหน ขึ้นกับตัวผมครับ ส่วนจะไว้ใจให้ใคร บริหารเงิน หรือ กองทุนใด หรือ หุ้นใด ก็ขึ้นกับผมครับ โดยที่ผมมีตัวที่ทำเล็งไว้แล้ว ที่ อัตราผลตอบแทน 7%-10% ต่อปี และใช้ การใส่แล้วถือยาวลืมไปเลยได้ครับ และปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานครับ
ทำงานมาได้ ก็หันเข้าเครื่องมือ ทำเงิน คือ หุ้น, ทอง, และ คลิปโต ในจังหวะและเวลา ที่เหมาะสม สู่การมีรายได้ที่ยั่งยืน ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แบบไม่ต้องทำงาน หรือ Passive income ครับ
อีกส่วนคือ ผมมีแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจในมือมากมาย ให้เจ้าของกิจการเช่าได้ แต่ไม่ค่อยมีคนรู้กัน รู้เฉพาะกลุ่ม ใช้ในวงแคบๆ อยู่ เฉพาะเจ้าของกิจการ ที่รู้จักผม ที่มาใช้กัน ตรงนี้ผมได้ค่าเช่าทุกเดือนครับ
เมื่อได้เงินมาเราจะฟีตเข้า สามสวนหลักๆ ครับ
- การลงทุนในกิจการ เช่น การจ้างคนทำงาน ตรงนี้ทำอยู่ครับ โดยจ้างแบบไม่ประจำ จ้างเป็นโครงการเป็นงานไปครับ ลงทุนในระบบต่างๆ เพิ่มเติม เช่น พัฒนาเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นของตนเอง จะเป็นไปตามเฟส ตามความสมควร และมันจะทำได้เอง เมื่อทุนถึงครับ
- การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซื้อบ้าน ปล่อยให้เช่า ทำโฮมสเตย์
- การลงทุนในหุ้น , ทองคำ, และคลิปโต
- การลงทุนในการตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์ แบบที่เห็นผลลัพธ์ และได้เงินกลับเข้ามาอย่างคุ้มค่า
- การลงทุนในความรู้ ที่จำเป็นจริงๆ เช่นการซื้อหนังสือ คอร์สเรียนออนไลน์ ตามความเหมาะสม ที่ต้องเรียนและเอามาใช้เอามาทำทันที เกิดรายได้ ได้ในเวลาไม่นานจนเกินไป หรือ รายได้และผลกำไรดีขึ้น ถ้าไม่ไหว คือส่งพนักงานไปเรียนแล้วมาทำให้เราครับ แต่เราต้องมีทุนก่อน ไม่งั้น ต้องทำสัญญา เพราะพนักงานเกิด เอาเงินเราไปเรียนแล้ว ไม่กลับมาทำงานให้เรา แบบนี้ก็แย่ครับ ควรทำสัญญา ไม่งั้น ก็ถือว่าทำบุญ แต่เพราะผมยังไม่รวยมากพอ จึงทำบุญไม่ได้ครับ ทำสัญญาคือ ต้อง ทำงานใข้คืนค่าคอร์สเรียนให้หมดก่อน ถึงจะออกได้ครับ ถ้าทำงานได้ดีขึ้น เรามีผลกำไรมากขึ้น ก็ให้ส่วนแบ่งเขาเพิ่ม อาจเป็นค่าคอม โบนัส สวัสดิการ การเลื่อนตำแหน่ง นานาวิธีการ พวกนี้อยู่ในศาสตร์ของการบริหารอยู่แล้วครับ
ข้ออื่นไว้ค่อยมาเขียนเพิ่ม ถ้าคิดออกครับ บริษัทฯ เป็นเครื่องมือทำเงิน หากใข้ถูกทางครับ จะใช้ไปเป็นพันธมิตรกับใครก็ได้ ถ้าทำจนมีผลประกอบการที่ดี น่าเชื่อถือ แบบไม่ปลอม ทำโครงการอะไรก็สำเร็จด้วยดี จะอยู่ในขั้น มีเครดิตสูง ไม่ว่า ธนาคาร หรือ นักลงทุน ก็ต้องการลงทุน คนมีเงิน บริษัทฯ ด้วยกันเอง ก็สามารถลวทุนในบริษัทฯ ด้วยกันเองได้ครับ
ระยะยาว สามารถ ซื้อกิจการ ควบรวม เสนอขายหุ้น พัฒนาไปเป็นบริษัทฯ มหาชน ทำโครงการต่างๆ ตามแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน มีระยะเวลาคืนทุน มีกลุ่มเป้าหมาย มีลูกค้าประจำ มีองค์ประกอบทั้งหมดที่ควรมี สามารถทำได้หมด แค่รอเวลาครับ
มันอยู่ที่คนและความคิด (Mindset) ครับ ถ้าเราทำไม่ได้ ไม่เก่งเรื่องไหน ทำไม่ไหว งานเยอะเกิน ทำเท่าที่ไหว มีเงินก็จ้างคนเก่งๆ มาทำแต่ละเรื่องแทนเราครับ ก็จะมีศาสตร์ของการจ้างคน บริหารคนอีก ถ้าบริหารคนไม่เก่ง ขึ้นเป็นประธาน ไล่บี้ ซีอีโอ ที่จ้างมาแทนครับ ซีอีโอ ไปไล่บี้ กับพวก VP แต่ละแผนก หรือหัวหน้าแผนก อีกทีครับ
ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ครับ ก้าวแรก ได้ทำไปแล้ว ก้าวต่อๆ ไป หาก ความคิดเราดี แม่น ตรง ถูกทาง ทำโครงการอะไร ทำงานให้ใครก็สำเร็จ มีลูกค้าจ้างหลักแสน จำนวนมาก หลักหมื่นจำนวนมาก กระทั่งพัฒนาสู่หลักล้าน ออกแบรนด์สินค้า ที่จับต้องได้ และสินค้าดิจิทัล ที่จับต้องไม่ได้ มีผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา กลั่นออกมาเป็นบริการทำเงิน
ปั้นบริษัทฯ สู่ระดับเวิลด์คลาส ระดับโลก จากระดับท้องถิ่น โนเนม สู่ระดับประเทศ และก้าวขึ้นเป็นบริษัทฯ ชั้นนำ สามารถทำได้หมด อยู่ที่คนครับ ถ้าตัวเราทำไม่ได้ จะมีคนดีๆ ที่เราเลือกไว้ มาลงมือ ลงแรง สละเวลาในชีวิตทำให้เราเองครับ เมื่อเราทะลุคอขวดแต่ละจุดไปได้ครับ
และทั้งหมดนี้ คือหัวใจของนักบริหาร หรือ คนที่ขี้เกียจ ทำทุกอย่าง หรือแลกทุกอย่างด้วยตนเอง คือรู้ว่า คนสำคัญที่สุดครับ และคนเท่านั้น ที่จะทำให้แผนต่างๆ ที่วางไว้ในองค์กร ให้สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ครับ และนี่คือแก่น ของความมั่งคั่ง หัวใจของบริษัทฯ ทั่วโลก ไม่มีสิ่งใดชัดเจนไปกว่าแผนที่รัดกุม คนที่ทำมันได้ และองค์กรที่เข้มแข็ง อีกแล้วครับ โดยองค์กรจะแข็งแกร่งได้ ล้วนรับพลังมาจาก ผู้บริหารและประธานบริษัทฯ กลุ่มผู้ก่อตั้ง นักลงทุน ที่มีวิสัยทัศน์ครับ